Skip to content

ความเปลี่ยนแปลง

View changes from to


On 21 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2023 9 นาฬิกา 03 นาที 20 วินาที UTC, Gravatar admin_user:
  • Updated description of แบบประเมินจุดแข็งและจุดอ่อน (SDQ) from

    แบบประเมินจุดแข็งและจุดอ่อน (Strengths and Difficulties Questionnaire: SDQ) นี้ เป็นแบบประเมินของกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข พัฒนามาจาก The Strengths and Difficulties (SDQ) เป็นเครื่องมือที่ผ่านการวิจัยมาแล้วว่ามีประสิทธิภาพในการคัดกรองปัญหาเด็กได้ดี สามารถช่วยเหลือครูในการคัดกรองปัญหาและให้การช่วยเหลือเบื้องต้นแก่เด็กในโรงเรียน แบบประเมินนี้ เหมาะที่จะใช้กับเด็กอ่ยุระหว่าง 4 – 16 ปี <br /> แบบประเมินแต่ละชุด มี 2 หน้า หน้าแรกเป็นลักษณะพฤติกรรม จำนวน 25 ข้อ ซึ่งมีลักษณะของพฤติกรรมทั้งด้านบวกและด้านลบ โดยสามารถจัดเป็นพฤติกรรมได้ 5 ด้าน ได้แก่ <br /> 1. พฤติกรรมด้านอารมณ์ (5 ข้อ) 2. พฤติกรรมอยู่ไม่นิ่ง/ สมาธิสั้น (5 ข้อ) 3. พฤติกรรมเกเร/ ความประพฤติ (5 ข้อ) 4. พฤติกรรมด้านความสัมพันธ์กับเพื่อน (5 ข้อ) 5. พฤติกรรมด้านสัมพันธภาพทางสังคม (5 ข้อ) <br /> คะแนนรวมของกลุ่มที่ 1 – 4 เป็นคะแนนที่แสดงถึงจุดอ่อนของเด็กในด้านนั้นๆ (Total Difficulties score) ส่วนคะแนนในด้านที่ 5 เป็นคะแนนที่แสดงถึงจุดแข็งของเด็ก (Strength score) ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการพิจารณานำจุดแข็งมาใช้เพื่อให้การช่วยเหลือแก้ปัญหาจุดอ่อนในด้านอื่นๆ ของเด็กต่อไป ในขณะเดียวกัน คะแนนด้านสัมพันธภาพทางสังคมก็เป็นตัวบ่งชี้ให้ครูได้ทราบถึงความยากง่ายในการแก้ปัญหา ถ้าเด็กมีจุดแข็ง (คะแนนด้านสัมพันธภาพทางสังคมสูง) การให้ความช่วยเหลือปัญหาพฤติกรรมจะง่ายกว่าเด็กที่ไม่มีจุดแข็ง (คะแนนด้านสัมพันธภาพทางสังคมต่ำ) เป็นต้น <br /> หน้าที่ 2 ในด้านหลังของแบบประเมิน เป็นการประเมินผลกระทบของพฤติกรรมว่ามีความเรี้อรัง ส่งผลกระทบต่อบุคคลรอบข้าง ต่อตัวเด็กเอง มีผลต่อสัมพันธภาพทางสังคม และชีวิตประจำวันเด็กมากน้อยเพียงใด ซึ่งส่วนนี้ใช้คำลงสรุปว่า “เป็นระดับความรุนแรงของปัญหา” __ข้อแนะนำในกำรใช้__ <br /> 1. แบบประเมินจุดแข็งและจุดอ่อน มี 3 ชุด คือ * แบบประเมินที่นักเรียนประเมินตนเอง 1 ชุด * แบบประเมินที่ครูประเมินนักเรียน 1 ชุด * แบบประเมินที่ผู้ปกครองประเมินนักเรียน 1 ชุด <br />แบบประเมินทั้ง 3 ชุดนี้ มีลักษณะข้อคำถามคล้ายคลึงกับข้อคำถามในแบบประเมินที่นักเรียนประเมินตนเอง ตลอดจนการตรวจให้คะแนน ยกเว้นเกณฑ์การแปลผลที่ต่างกันเล็กน้อย <br /> 2. ครูที่ประเมินนักเรียน ตลอดจนผู้ปกครองที่จะประเมิน ควรรู้จักนักเรียน และมีความใกล้ชิดกับนักเรียนมาระยะหนึ่ง อย่างน้อย 1 เดือน และควรประเมินทั้ง 25 ข้อในครั้งเดียว <br /> 3. หากมีการท ามากกว่าหนึ่งแบบประเมิน ระยะเวลาที่นักเรียนประเมินตนเอง ครูประเมินนักเรียน หรือผู้ปกครองเป็นนักเรียน ควรเป็นระยะเวลาที่ใกล้กัน <br /> 4. ครั้งแรกอาจให้นักเรียนประเมินตนเองก่อน แล้วครู/ผู้ปกครองสามารถใช้แบบประเมินตนเองฉบับของครู/ผู้ปกครอง ทำการประเมินนักเรียนซ้า เพื่อดูผลที่ได้ว่าสอดคล้องกันหรือไม่ <br /> 5. อาจใช้การสัมภาษณ์ หรือเครื่องมืออื่นช่วยในการพิจารณาเพิ่มเติม กรณีที่เห็นว่าได้ผลขัดแย้งกับความเป็นจริง อย่าลืมว่า ไม่มีเครื่องมือชนิดใดสมบูรณ์แบบ ขึ้นอยู่กับสภาพความพร้อมของผู้ตอบแบบประเมินเป็นส าคัญ แบบประเมินตนเองชุดนี้เป็นเพียงเครื่องมือเพื่อช่วยเหลือในการคัดกรองปัญหานักเรียนเท่านั้น ไม่ใช่เป็นตัวชี้นำครูในการตัดสินปัญหานักเรียน <br /> 6. การประเมินพฤติกรรมนักเรียน เป็นการประเมินในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา จึงไม่สามารถใช้ข้อมูลเดิมสำหรับการประเมินนักเรียนในปีต่อไป นั่นคือ ถ้าประเมินนักเรียนทุกปี ก็ต้องทำแบบประเมินทุกปีเช่นกัน
    to
    แบบประเมินจุดแข็งและจุดอ่อน (Strengths and Difficulties Questionnaire: SDQ) นี้ เป็นแบบประเมินของกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข พัฒนามาจาก The Strengths and Difficulties (SDQ) เป็นเครื่องมือที่ผ่านการวิจัยมาแล้วว่ามีประสิทธิภาพในการคัดกรองปัญหาเด็กได้ดี สามารถช่วยเหลือครูในการคัดกรองปัญหาและให้การช่วยเหลือเบื้องต้นแก่เด็กในโรงเรียน แบบประเมินนี้ เหมาะที่จะใช้กับเด็กอ่ยุระหว่าง 4 – 16 ปี <br /> แบบประเมินแต่ละชุด มี 2 หน้า หน้าแรกเป็นลักษณะพฤติกรรม จำนวน 25 ข้อ ซึ่งมีลักษณะของพฤติกรรมทั้งด้านบวกและด้านลบ โดยสามารถจัดเป็นพฤติกรรมได้ 5 ด้าน ได้แก่ <br /> 1. พฤติกรรมด้านอารมณ์ (5 ข้อ) 2. พฤติกรรมอยู่ไม่นิ่ง/ สมาธิสั้น (5 ข้อ) 3. พฤติกรรมเกเร/ ความประพฤติ (5 ข้อ) 4. พฤติกรรมด้านความสัมพันธ์กับเพื่อน (5 ข้อ) 5. พฤติกรรมด้านสัมพันธภาพทางสังคม (5 ข้อ) <br /> คะแนนรวมของกลุ่มที่ 1 – 4 เป็นคะแนนที่แสดงถึงจุดอ่อนของเด็กในด้านนั้นๆ (Total Difficulties score) ส่วนคะแนนในด้านที่ 5 เป็นคะแนนที่แสดงถึงจุดแข็งของเด็ก (Strength score) ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการพิจารณานำจุดแข็งมาใช้เพื่อให้การช่วยเหลือแก้ปัญหาจุดอ่อนในด้านอื่นๆ ของเด็กต่อไป ในขณะเดียวกัน คะแนนด้านสัมพันธภาพทางสังคมก็เป็นตัวบ่งชี้ให้ครูได้ทราบถึงความยากง่ายในการแก้ปัญหา ถ้าเด็กมีจุดแข็ง (คะแนนด้านสัมพันธภาพทางสังคมสูง) การให้ความช่วยเหลือปัญหาพฤติกรรมจะง่ายกว่าเด็กที่ไม่มีจุดแข็ง (คะแนนด้านสัมพันธภาพทางสังคมต่ำ) เป็นต้น <br /> หน้าที่ 2 ในด้านหลังของแบบประเมิน เป็นการประเมินผลกระทบของพฤติกรรมว่ามีความเรี้อรัง ส่งผลกระทบต่อบุคคลรอบข้าง ต่อตัวเด็กเอง มีผลต่อสัมพันธภาพทางสังคม และชีวิตประจำวันเด็กมากน้อยเพียงใด ซึ่งส่วนนี้ใช้คำลงสรุปว่า “เป็นระดับความรุนแรงของปัญหา” __ข้อแนะนำในกำรใช้__ <br /> 1. แบบประเมินจุดแข็งและจุดอ่อน มี 3 ชุด คือ * แบบประเมินที่นักเรียนประเมินตนเอง 1 ชุด * แบบประเมินที่ครูประเมินนักเรียน 1 ชุด * แบบประเมินที่ผู้ปกครองประเมินนักเรียน 1 ชุด แบบประเมินทั้ง 3 ชุดนี้ มีลักษณะข้อคำถามคล้ายคลึงกับข้อคำถามในแบบประเมินที่นักเรียนประเมินตนเอง ตลอดจนการตรวจให้คะแนน ยกเว้นเกณฑ์การแปลผลที่ต่างกันเล็กน้อย <br /> 2. ครูที่ประเมินนักเรียน ตลอดจนผู้ปกครองที่จะประเมิน ควรรู้จักนักเรียน และมีความใกล้ชิดกับนักเรียนมาระยะหนึ่ง อย่างน้อย 1 เดือน และควรประเมินทั้ง 25 ข้อในครั้งเดียว <br /> 3. หากมีการท ามากกว่าหนึ่งแบบประเมิน ระยะเวลาที่นักเรียนประเมินตนเอง ครูประเมินนักเรียน หรือผู้ปกครองเป็นนักเรียน ควรเป็นระยะเวลาที่ใกล้กัน <br /> 4. ครั้งแรกอาจให้นักเรียนประเมินตนเองก่อน แล้วครู/ผู้ปกครองสามารถใช้แบบประเมินตนเองฉบับของครู/ผู้ปกครอง ทำการประเมินนักเรียนซ้า เพื่อดูผลที่ได้ว่าสอดคล้องกันหรือไม่ <br /> 5. อาจใช้การสัมภาษณ์ หรือเครื่องมืออื่นช่วยในการพิจารณาเพิ่มเติม กรณีที่เห็นว่าได้ผลขัดแย้งกับความเป็นจริง อย่าลืมว่า ไม่มีเครื่องมือชนิดใดสมบูรณ์แบบ ขึ้นอยู่กับสภาพความพร้อมของผู้ตอบแบบประเมินเป็นส าคัญ แบบประเมินตนเองชุดนี้เป็นเพียงเครื่องมือเพื่อช่วยเหลือในการคัดกรองปัญหานักเรียนเท่านั้น ไม่ใช่เป็นตัวชี้นำครูในการตัดสินปัญหานักเรียน <br /> 6. การประเมินพฤติกรรมนักเรียน เป็นการประเมินในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา จึงไม่สามารถใช้ข้อมูลเดิมสำหรับการประเมินนักเรียนในปีต่อไป นั่นคือ ถ้าประเมินนักเรียนทุกปี ก็ต้องทำแบบประเมินทุกปีเช่นกัน